ชายพยายามจะกระโดด

เจ้าหน้าที่เปิดเผยสาเหตุที่ชายพยายามจะกระโดดจากที่สูง ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร



จากกรณี พบชายได้ปีนรั้ว ชั้น4 พยายามที่จะกระโดดลงมาด้านล่างอาคาร โดยที่เกิดเหตุเป็นอาคารจอดรถสูง 5 ชั้น อยู่ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขณะที่ภรรยาของชายคนดังกล่าว เดินทางมาถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้อยู่ในอาการตื่นตระหนก น้ำตาคลอ และแจ้งว่า สามีหายออกจากบ้านไป 2 วัน เอาลูกไปฝากให้คนอื่นเลี้ยง และนัดหมายให้มาเจอกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อยื่นเรื่องร้องเรียน ต่อ ผบ.ตร. กรณีที่ถูกเต็นท์รถหลอกซื้อดาวน์รถ





แต่เมื่อเช้าพอมาถึง ตนก็ยังไม่ได้เจอสามี เมื่อโทรศัพท์ไปสอบถาม สามีก็บอกว่า อยู่บนอาคารจอดรถ จะกระโดดลงมา เพราะเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น หาทางออกไม่ได้



โดยผู้สื่อข่าวจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าให้การช่วยเหลือ และพยายามให้ภรรยาช่วยเกลี้ยกล่อมผ่านทางโทรศัพท์ ว่าให้ลงมาคุยกันด้านล่าง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ขึ้นไปเจรจาด้านบน ใช้เวลาประมาณ 5 นาที เจ้าหน้าที่ก็สามารถเข้าชาร์จตัวชายคนดังกล่าว และช่วยเหลือลงมาได้



โดยผู้เสียหายซึ่งเป็นภรรยา เปิดเผยว่า ตนได้ซื้อรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ปาเจโร่ มา ซึ่งผ่อนมาได้ 20 งวด งวดละประมาณ 20,000 บาท แต่ช่วงโควิดที่ผ่านมาตกงาน ทำให้ครอบครัวมีรายได้น้อยลง ซึ่งพยายามผ่อนรถต่อมาตลอดแต่สุดท้ายก็ไม่ไหว ค้างผ่อนชำระมา 5 งวด เมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้ว จึงตัดสินใจจะขายดาวน์รถ สามีจึงโพสต์ประกาศขายในเฟซบุ๊ก ซึ่งก็ได้มีเต็นท์รถแห่งหนึ่งติดต่อมาว่าสนใจ และนัดเข้ามาดูรถที่บ้าน เมื่อมาถึงก็ตัดสินใจจะซื้อทันที



และตกลงรายละเอียดกันว่า จะจ่ายเงินดาวน์ 136,000 บาท แต่ทางเต็นท์ขอทำสัญญาว่า ขอเวลา 3 เดือน หากขายรถได้จึงจะเปลี่ยนสัญญาให้ผู้ซื้อ แต่หากภายใน 3 เดือนยังขายไม่ได้ ก็จะเปลี่ยนสัญญานำรถเข้าเต็นท์ โดยในระยะเวลา 3 เดือนนี้ เต็นท์จะเป็นผู้จ่ายค่าผ่อนรถให้เอง หากผิดสัญญาจะชดเชยให้ 3 เท่า ตนจึงตกลง



จากนั้นวันรุ่งขึ้น คือ 28 มิ.ย. คนของเต็นท์รถมือสองก็มารับรถไป และตนก็ไม่ได้ติดตามรถอีก เงินดาวน์ที่ได้มา ก็นำไปจ่ายค่างวดที่ค้างไว้ทันที และเต็นท์รถก็จ่ายค่างวดถัดไปมาให้ จนกระทั่งผ่านไป 1 สัปดาห์ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งโทรมาถามว่า ตนเป็นเจ้าของรถใช่หรือไม่ โดยอ้างว่า ซื้อรถตนจากเต็นท์ที่นครสวรรค์ แต่เต็นท์ไม่ยอมโอน บอกว่าเจ้าของไม่ยอมโอนให้ ตนจึงเอะใจติดต่อไปยังเต็นท์รถที่ซื้อรถตนไป ทางเจ้าของก็บอกว่าไม่ต้องไปสนใจ ไม่ต้องไปคุยด้วย





เดี๋ยวเต็นท์จะจัดการเรื่องสัญญาให้ และได้นัดวันเปลี่ยนสัญญา แต่พอถึงวันก็เลื่อนนัด อ้างว่า เช็คไม่พร้อม โดยเลื่อนนัดถึง 3 ครั้ง จนกระทั่งถึงวันที่ 30 กันยายน ก็ไม่สามารถติดต่อทางเต็นท์ได้อีกเลย ส่วนทางลูกน้องของเต็นท์รถก็บอกว่า รถไม่ได้อยู่ที่เต็นท์แล้ว ตนจึงรู้ตัวว่าโดนหลอก ก็เลยไปค้นหาข้อมูลดู พบว่ายังมีผู้เสียหายที่โดนในลักษณะเดียวกันจากเต็นท์รถเต็นท์นี้อีกจำนวนมาก



ผู้เสียหายที่เป็นภรรยา เปิดเผยอีกว่า ล่าสุด ตนทราบแล้วว่ารถอยู่ที่ใคร โดยมีคนส่งรูปมาให้ดู ว่ามีการนำรถตนไปประกาศขาย จึงตามไปเจอกับคนที่ครอบครองรถอยู่ตอนนี้ ซึ่งบุคคลดังกล่าว ยืนยันว่า ซื้อรถมาอย่างถูกต้อง จากเต็นท์รถที่อำเภอปากช่อง ในราคา 890,000 บาท และหากตนต้องการรถคืน ก็ให้จ่ายเงินในราคานี้ ทำให้ตอนนี้ตนเครียดมาก และเชื่อว่า รถตนไม่ได้ถูกซื้อขายต่อจริง แต่เรื่องทั้งหมดเป็นขบวนการที่รู้เห็นกัน อย่างไรก็ตาม





ก่อนหน้านี้ได้เคยพยายามจะไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสมุทรปราการแล้ว แต่พนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งความ อ้างว่าตนผิดฐานที่ยักยอกรถไฟแนนซ์ไปขาย ทั้งที่ตนก็จ่ายค่างวดครบตามปกติแล้ว

Facebook Comments Box

ใส่ความเห็น